มีวิจารณญาณรู้ทันยุคแห่งการปลุกปั่นข่าวสารบิดเบือน

Written by . Posted in สังคมและพฤติกรรมผู้คน, ใหม่

Tagged: ,

ข่าวลือ11

Published on with No Comments

มีวิจารณญาณรู้ทันยุคแห่งการปลุกปั่นข่าวสารบิดเบือน

ในภาวะที่ประเทศไทยเรา ต้องพบเจอกับเหตุบ้านการเมืองที่ร้อนระอุหลายครั้ง แน่นอนว่า อย่างที่เราพอจะทราบกันดีว่ามีทั้งความขัดแย้งและทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่มาก

ข่าวลือ4

ในยุคแห่งสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งสำคัญพื้นฐาน ที่ประชาชนทั่วไปควรมี ที่สุด นั่นก็คือ 1 สติ 2วิจารณญาณ

จะสังเกตุได้ว่า ในภาวะเช่นนี้ ได้ก่อเกิดสงครามข่าวสารและ การปราศรัยโจมตีซึ่งกันและกัน ประชาชนอย่างเราๆนั้น   ควรจะต้องตั้งสติให้ดี และใช้ปัญญา แยกแยะ และรู้เท่าทันข้อมูลข่าวสาร รู้เท่าทันหลักครอบงำบิดเบือนทุกชนิด

ซึ่งในยุคอินเทอร์เน็ตเราจะพบเจอข้อมูลบิดเบือนได้มากมาย โดยเฉพาะในเวปโซเชียลเน็ตเวิกร์ที่มีการแชร์ ข้อมูลตัดแต่งบิดเบือนกันอย่างคึกคัก  อีกทั้ง บางข้อมูลก็ถึงขั้น เป็นการสร้างเรื่องใส่ร้ายทำกันอย่างหน้าด้านๆ ไร้ที่มาที่ไป

ข่าวลือ3

อันทำให้ชวนคิดอดสูใจว่า ในสมัยก่อนที่ยังไม่มีการติดต่อสื่อสารอินเทอร์เน็ต ยังไม่มีการตอบโต้แก้ตัวชี้แจงหักล้างสู้กับ ข้อมูลบิดเบือนได้อย่าง รวดเร็วฉับไวเหมือนในยุคสมัยนี้นั้น

พวกเราในยุคสมัยวันวานก่อนหน้านี้ ล้วน ต้องผ่านการ ถูกหลอกลวงปลุกปั่นบิดเบือนในเรื่องต่างๆมาสักเท่าใด ในยุคที่เทคโนโลยีไม่มากพอที่จะช่วยให้ฝ่ายที่ถูกใส่ร้าย ไม่สามารถชี้แจงได้ทันท่วงที

และในสถานณการณ์ขณะปัจจุบันนี้ เราขอแนะนำข้อควรปฏิบัติในการเสพสื่อต่าง ๆอย่างรู้เท่าทันสารพัดมุขวิธีเล่ห์กล ที่นิยมใช้กันในการสร้างข่าวบิดเบือน หากเราได้รับหรือพบเห็นข่าวสารใดๆ สำคัญที่สุด เราจะต้องพิจารณาอะไรบ้าง?

1. รู้ทันข่าวประเภทตัดต่อแปะสลับ

ข่าวลือ

ข่าวสารบิดเบือนที่พบบ่อยมากนั่นก็คือ ข้อมูลประเภท ตัดต่อปลอมแปลงสลับที่ นำหัวไปไว้กลางนำกลางไปไว้หาง การตัดต่อนั้นสามารถกระทำได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะสร้างสิ่งเท็จใหม่ๆแล้วนำไปผสม หรือตัดแปะ กับอีกเนื้อหาหนึ่ง  หรือแม้แต่การ ตัดในสิ่งเดิมแต่ทำการสลับที่กัน เช่น  รูปภาพ ที่ตัดต่อนำภาพอื่นมาผสม   หรือรูปภาพที่ตัดภาพในภาพเดิมๆแต่สลับที่กัน หรือ คลิปเสียง ที่นำเสียงของบุคคลนึง แต่มีการผสมด้วยเสียงบางท่อนที่ปลอมแปลงสร้างขึ้นใหม่จากบุคคลอื่นที่มีเนื้อเสียงคล้ายกัน แล้วทำการแทรกลงไปในเนื้อหา

หรือบางทีมีการปลอมที่แนบเนียนยิ่งขึ้น ด้วยการนำเสียงของคนเดียวกันตัดประโยคเก่ามาสลับที่กัน ให้เกิดเป็นรูปประโยคใหม่ แล้วบิดเบือน เพื่อให้ยังคงฟังเป็นเสียงพูดคนเดิม เพื่อปรักปรำว่าผู้ที่อยู่ในคลิปนั้นกำลังพูดในสิ่งที่ไม่ควร

นอกจากนี้ยังมีการปลอมที่เนียนยิ่งขึ้น ด้วยการไปนำคลิปภาพหรือเสียงจากเหตุการณ์หลายวัน ต่างวาระมาผสมกัน นำมาต่อกันก่อเกิดรูปประโยคใหม่ที่ต้องการ

2. ช้อมูลคนละเหตุการณ์ นำมามั่วบิดเบือน

ข่าวลือ2

วิธีการนำข้อมูล ภาพหรือเสียง จากเหตุการณ์อื่นๆมากล่าวอ้างเป็นเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งนั้น เป็นอีกวิธีสกปรกที่นิยม ทำกันมากในสื่อออนไลน์ เช่นการนำภาพที่เกิดขึ้นในอดีต แต่คล้ายคลึงบางแง่มุมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน นำมาบิดเบือนว่าเป็นภาพจากเหตุการณ์ในปัจจุบัน หรือบางครั้งมีการนำภาพจาก เหตุการณ์ในประเทศอื่นๆ มาบิดเบือนเป็นเหตุการณ์ในประเทศตนก็มี

 

3.ข้อมูลดังกล่าวบ่งบอกที่มาที่ไปได้ครบหรือไม่?

ข่าวลือ7

นี่คืออีกวิธีที่มีการบิดเบือนกันบ่อย  โดยการนำภาพหรือวีดีโอที่ระบุเหตุการณ์บางจังหวะ หรือแม้แต่การกล่าวปราศรัยหรือ บรรยายคำพูดบอกเล่า นำมาเปิดเผยแบบไม่ครบความเป็นจริงทั้งหมด มาหวังปลุกปั่นกระแสและอารมณ์ โดยที่มีการปิดบังหรือตัดออก ซึ่งข้อมูลก่อนหน้า และข้อมูลในตอนหลัง  มีการปกปิดอำพรางที่มาที่ไป นอกจากนี้วิธีแบบนี้ ยังนิยมกันมากในการทะเลาะเบาะแว้งของประชาชนทั่วไป ที่นำคลิปมาประจานอีกฝ่ายขณะเกิดเหตุการณ์ทะเลาะกัน  แต่ปิดบังภาพเสียงเหตุการณ์ก่อนหน้า หรือเหตุหลังจากนั้น โดยกระทำอย่างมีเจตนาปิดบังที่มาที่ไป และคัดแต่เฉพาะจังหวะที่น่าชวนเชื่อ

 

4.ข้อมูลดังกล่าวชัดเจนพอหรือไม่?

ข่าวลือ5

นี่เป็นวิธีที่คลาสสิคนิยมที่เล่นง่ายที่สุด ในการสร้างข่าวบิดเบือน หลอกลวงผู้คน ด้วยการสร้างข้อมูลที่คลุมเครือแต่มีการชักจูงด้วยความคล้ายหรือความน่าจะเป็นของเหตุการณ์  โดยมักเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ชัดเจน เช่น ภาพเลือนๆไม่ชัด  หรือเสียงที่ไม่ชัด นำภาพคลุมเครือที่มีคนหน้าคล้าย หรือมีองค์ประกอบของภาพคล้ายกันกับวัตถุหรือสถานที่ใดๆนำมาบิดเบือน ซึ่งจะได้ผลในการได้มวลชน ที่มีแง่มุมความเชื่อที่แตกต่างและเข้าทาง มาเชื่อข้อมูลนี้ โดยยึดหลักการหว่านแห ดักคนรู้ไม่ทันซึ่งย่อมมีจำนวนนึง ยิ่งหากข้อมูลที่คลุมเครือนี้ถูกผสมลงไปด้วยการตัดต่อเพิ่มเติมก็จะยิ่ง เพิ่มประสิทธิภาพการบิดเบือนได้มากขึ้นไปอีก

 

5.เรื่องบางเรื่องนั้นเรารู้ตื้นลึกหนาบางเพียงพอหรือไม่

ข่าวลือ8

ควรทราบว่า เหตุการณ์บางกรณีนั้น แม้ว่าจะชี้ชัดถึงการกระทำลงไป ถึงความมีความเกิดและความเป็น ในสิ่งหนึ่ง  แต่เรื่องบางเรื่องนั้นสามารถเปลี่ยนผลันได้  โดยองค์ประกอบปัจจัยบางปัจจัยที่มาสร้างผลเปลี่ยนแปลง ความจริงได้ บางสิ่งเป็นA มีการเกิดความเป็นAอยู่จริง  แต่ยังอาจมีข้อมูลบางอย่างที่เราไม่รู้ ยังอาจมีB เข้ามาเปลี่ยนให้กลายเป็นABได้

บางเรื่องที่เรารู้ และแน่ชัดว่านั่นคือเรื่องจริงและเป็นเรื่องที่ดูชั่ว แต่หากเราได้รับทราบที่มาที่ไปและเหตุผลตื้นลึกหนาบางของเหตุการ  ก็จะทำให้สิ่งนั้นอาจไม่ใช่สิ่งที่ชั่วร้าย หรืออาจไม่ชั่วร้ายถึงระดับที่เราเข้าใจในตอนแรกได้ ซึ่งโดยเฉพาะเหตุการณ์ที่มีเนื้อหายาว และแง่มุมซับซ้อน จะเป็นสิ่งที่น่านำมาบิดเบือนกล่อมประชาชนได้ง่ายเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งถ้าเป็นเหตุการณ์ในอดีตแล้วล่ะก็ การนำเนื้อหาบางจุดมากล่อมบรรดาเด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวยุคใหม่ ที่เคยยังเป็นแค่เด็กในช่วงเวลาเหตุการณ์นั้น และไม่มีประสบการณ์รู้ลึกแง่มุมต่างๆในอดีต คนเหล่านี้ก็จะยิ่ง เป็นเป้าหมายที่ปลุกปั่นครอบงำได้ง่ายขึ้น ดังนั้นในยามที่เราถูกปลุกปั่นเราต้องถามตนเองเสมอว่า เรารู้ความหนาของเรื่องเพียงใด เรารู้ต้นสายปลายเหตุ ของเรื่องเพียงใด รู้ความลึกความบางของมูลเหตุเพียงใด เรากำลังตกหลุมพราง ของการนำเสนอข้อมูลด้านเดียว การกล่าวถึง ข้อมูลเนื้อหาหรือเหตุการณ์เพียงในด้านเดียว โดยไม่กล่าวถึงในข้อมูลบางด้าน เรากำลังตกหลุมพรางในการยัดเยียดมุมมองด้านเดียวอยู่หรือไม่

 

6.การปลุกปั่นด้วยการนำเรื่องจริง99%มาทำให้ดูน่าเชื่อถือ

ข่าวลือ9

ข้อมูลบางอย่าง จริงเกือบ99% แต่มีปลอมอยู่แค่1% นั่นก็สามารถจะทำให้เราเข้าใจผิดทั้งหมดได้ กลยุทธนี้เป็นที่นิยมมากในการบอกเล่าหรือปราศรัย   ด้วยการพูดในสิ่งที่จริงและดูน่าเชื่อถือเกือบทั้งหมด  แต่หาจุดปลอมแปลงได้ถูกจุด ปลอมข้อมูลเท็จ กล่าวข้อมูลเท็จลงไปแค่1% ก็สามารถบิดเบือนเรื่องทั้งหมดให้พลิกกลายเป็นอีกหน้านึงได้ ในขณะที่ความจริงที่พูดออกไปด้วยปริมาณที่มากมาย กลบเกลื่อน ก็ จะได้รับแรงหนุนแรงศรัทธา น่าเชื่อถือ และในบางจุดที่แอบบิดเบือนเอาไว้ จะพยายามไม่กล่าวถึง มักจะพูดข้ามๆหรือไม่ทำให้เด่นชัดน่าสังเกตุ  เปรียบเหมือนกลยุทธ์ของนักมายากล ที่จะแอบกระทำกล ในจุดเล็กๆที่ผู้ชมไม่ค่อยให้ความสนใจสังเกตุ

 

7.อาศัยเรื่องที่อ่อนไหวต่ออารมณ์

ข่าวลือ6

วิธีการนี้จะอาศัยการบิดเบือนในเรื่องที่มีความอ่อนไหวต่ออารมณ์ผู้คน อาศัยช่องที่ผู้คนโกรธ แค้น หรือ ระแวงกังวลอย่างยิ่งยวด จนรบกวนสติและวิจารณญาณที่จะไตร่ตรอง และพร้อมที่จะเชื่อและเร่งรีบทำลายล้างสิ่งที่ตนเองกังวลระแวง อย่างถูกอารมณ์แทรกแซงครอบงำสติให้ทำสิ่งต่างๆ ลุแก่อารมณ์ และใช้การชั่งใจไตร่ตรองน้อยลง

 

8.ถูกชักจูงมุมมอง

ข่าวลือ10

วิธีนี้คือการกล่าวและการกระทำซ้ำๆย้ำๆ  และครอบงำให้ผู้คนมีมุมมองต่อเรื่องหนึ่งสิ่งหนึ่ง ในแบบที่ต้องการครอบงำมุมมองทั้งๆที่จริงแล้ว ควรทราบว่า เรื่องบางเรื่องในโลกนี้นั้น  สามารถให้มุมมองที่หลากหลายได้ หรือมุมมองที่ทำให้สิ่งนั้นมิใช่สิ่งเลวร้ายได้ โดยเฉพาะกับบางเรื่องที่ ต้องใช้ประสบการณ์ชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาว  มีวุฒิภาวะเข้าใจ แง่มุมรอบด้าน สิ่งบางสิ่งที่มนุษย์เรายามเด็กมีความรังเกียจไม่ชอบใจ   แต่พอยามเติบโตเป็นผู้ใหญ่ผ่านวันคืน สูงวัย กลับกลายเป็นมีทัศนคติในแง่ดีต่อสิ่งนั้น และด้วย หลักนี้เองที่ เหล่าผู้กระทำการบิดเบือนมุมมองทัศนคติ มักจะใช้ในการยัดเยียด มุมมองและทัศนคติให้กับ บรรดาผู้คนที่ไม่มีวุฒิภาวะทางชีวิตพอที่จะรู้เท่าทัน

ยิ่งเรื่องบางเรื่องผู้ฟังข่าวสารยังไม่มีประสบการณ์มากพอที่จะชั่งใจ ยังไม่มีประสบการณ์มากพอที่จะเข้าใจว่า ควรคำนึงถึงอะไรบ้าง ยิ่งง่ายที่จะถูกปลุกปั่น ชักชวนให้กระทำในสิ่งที่ไม่คุ้มค่าเลยกับการทำลงไป และให้ผลร้ายในบั้นปลายอีกด้วย

 

9แอบอ้างผู้น่าเชื่อถือ

ข่าวลือ11

การแอบอ้างคนมีชื่อเสียง เพื่อนำมาสนับสนุนว่าข้อมูลของตนนั้นน่าเชื่อถือ นี่เป็นวิธีการง่ายๆพื้นๆแต่ได้ผลกับคนจำนวนหนึ่งที่ไร้วิจารณญาณแยกแยะ โดยอาศัยการที่ผู้คนมัก ปักใจเชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ ปักใจเชื่อผู้มีใบวุฒิ และวัยวุฒิ  ปักใจเชื่อ คนที่ตนนิยมชื่นชอบ ปักใจเชื่อว่าคนที่มีข้อดีในเรื่องหนึ่งจะย่อมมี ปัญญาและแนวคิดดีไปในทุกเรื่อง   ปักใจเชื่อถือดารานักร้อง ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว สิ่งเหล่านั้นมิใช่สิ่งยืนยัน ในเรื่องใดเลยว่าคือสิ่งที่น่าเชื่อถือ ควรทราบว่า ผู้มากการศึกษา ก็โง่ได้ในจริยธรรม มนุษย์ธรรม และโง่ได้ในเรื่องราวของชีวิต ควรทราบว่า คนเลวนั้นก็สามารถกล่าวถ้อยคำของคนดีได้ และคนที่กล่าวคำพูดที่ดูดีทรงคุณธรรมนั้น ไม่ได้แปลว่าเขาจะเป็นอย่างในสิ่งที่เขามัก พูดมักสอน ควรทราบว่า คนดีนั้นอาจมิใช่คนที่ทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป  เพราะคนดีที่ยังขาดปัญญา ขาดสติ และยังเลือกในสิ่งที่ผิดพลาดนั้น มีถมเถ

 

 

10 สร้างความผูกพัณธ์  จนปักใจไม่อาจถอน

ข่าวลือ13

วิธีนี้จะอาศัยการ เก็บสะสมแต่เรื่องที่ดีของพวกเดียวกันและเก็บสะสมแต่เรื่องร้ายๆของฝั่งตรงข้าม วิธีนี้จะเป็นการครอบงำ ท่ามกลางภาวะที่มีบรรดาผู้คนรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนและอยู่ท่ามกลางความปักใจเชื่อในสิ่งหนึ่ง และตลอดระยะเวลาที่ทำการร่วมต่อสู้ทางอุดมการณ์ความคิด  ยิ่งยาวนานเท่าไหร่จะยิ่งมีบรรยากาศที่ง่ายต่อความผูกพัณธ์ และรักพวกพ้อง เห็นดีเห็นงามไปกับพวกพ้อง ไปแทบทุกเรื่อง และตลอดระยะเวลาที่รักแต่ข้อดีและน้ำใจให้แก่กันของฝ่ายตน  รวมถึงรับแต่เรื่องลบๆของฝ่ายตรงข้าม สภาวะการเช่นนี้จะทำให้โครงสร้างจิตใจของมนุษย์ถูกหล่อหลอมเข้าไปในอารมณ์และความรู้สึก  ยากที่จะกลับตัวปรับใจปรับวิจารณญาณใหม่ได้ จิตใจจะถูกแฝงด้วยความรักความผูกพัณธ์ พร้อมให้อภัยพวกตนเองแต่ ไม่ให้อภัยผู้อื่น พร้อมแสร้งไม่เห็นเรื่องผิดของพวกตน หรือไม่มีจิตที่จะต่อต้านประนามพวกตนอย่างจริงจัง แต่พร้อมที่จะทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม

 

11.พาไปต่อสู้พาไปถูกกระทำ จนเกิดผลกระทบที่ฝังใจ

ข่าวลือ12

แน่นอนว่าเมื่อถูกปลุกปั่น ให้ร่วมพวกพ้องเป็นมวลชนกลุ่มใหญ่ได้แล้ว ย่อมที่จะเกิดรูปแบบของการกระทบกระทั่งต่อกันกับฝ่ายตรงข้ามได้ง่าย และย่อมที่จะถูกคำกล่าวร้ายจากทั้งฝ่ายตรงข้ามและฝ่ายที่เป็นกลางแต่ได้รับความเดือดร้อนในการต่อสู้ได้ รวมถึงยังมีโอกาสกระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้ามาจัดการเหตุการณ์ได้ ซึ่งสภาวะเช่นนี้ จะทำให้เข้าแผนของบรรดาผู้ปลุกปั่น นั่นก็คือให้มวลชนได้รับรสชาติของการถูกกระทำ และแค้นฝังใจ หัวเด็ดตีนขาดจะต้องเกาะกลุ่มรวมไว้กับพวกตนเองเท่านั้น และเกลียดชังฝ่ายอื่นๆ กลายเป็นผู้ที่ต้องภักดี และเกาะติดกับพวกพ้องไปโดยปริยาย ประดุจเหมือนไม่มีใครจะเข้าข้างเข้าใจตนเองได้เท่าพวกตนเท่านั้น

บทความโดย loginlike.com

วีดีโอประกอบจาก VisualizeLab

About

Browse Archived Articles by

No Comments

There are currently no comments on มีวิจารณญาณรู้ทันยุคแห่งการปลุกปั่นข่าวสารบิดเบือน. Perhaps you would like to add one of your own?

Leave a Comment