พฤติกรรมน่าฉงน ของเหล่าชายชีกอลามก เรื่องราวของสังคมที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมโรคจิตของชายหื่นกาม นั้นมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้งอยู่เสมอตามหน้าข่าว โดยเฉพาะประเด็นในการ แอบถ่าย หรือแอบมองใต้กระโปรงผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นการซุกซ่อนกล้อง หรือถือกล้องไว้ต่ำๆเพื่อแอบถ่าย หรือแม้แต่กระทั่งก้มมองดู ก็ตาม อีกทั้งยังมีข่าวให้พบบ่อยเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนโรคจิตที่ อยู่ตามใต้สะพานลอยหรือบันไดเลื่อน หรือตามป้ายรถเมล์ และแม้แต่กระทั่งในลิฟท์ และบนรถโดยสาร อันที่จริงแล้วพฤติกรรมเหล่านี้เป็นอาการ ทางจิตชนิดหนึ่งอันเนื่องมาจากการหมกมุ่นอย่างหนักในเรื่องเพศ ซึ่งหลายต่อหลายคนทำไปเพื่อตอบสนองอารมณ์ตื่นเต้นและความใคร่ อันเก็บกดทางจิต แต่เชื่อหรือไม่ว่านอกจากเหล่าผู้คนที่ตกอยู่ในภาวะพฤติกรรมทางจิตเหล่านั้นแล้ว สำหรับคนปรกติธรรมดาทั่วไปก็มีพฤติกรรมใกล้เคียงในลักษณะนี้อยู่มากมายเช่นกัน โดยทั่วไปแล้วผู้ชายธรรมดาทั่วไปมากมาย ที่ชอบดูวีดีโอโป๊ หนังสือโป๊ ชอบแอบมองต้นขา หรือพยายามหามุมที่จะแอบมองให้เห็นหว่างขา หรือกางเกงในผู้หญิงให้ได้ พฤติกรรมทางเพศของผู้ชาย และพฤติกรรมความลามกของผู้ชายนั้นบางทีก็ตรงๆ แสดงออกซึ่งสัญชาติญาณดิบ แต่บางทีนั้นก็ซับซ้อนจนแทบไม่น่าเชื่อว่า มีผู้ชายอีกกลุ่มใหญ่ๆ ที่ทำมันไปเพียงเพื่อเพราะความตื่นเต้น…
บุคลิคนิยมของวงการผู้ประกาศข่าว หากย้อนไปในสมัยอดีตเวลาที่ผู้ชมทางบ้านเปิดทีวีรับชมรายการข่าว เรามักจะได้เห็นบุคลิคของบรรดานักข่าวทุกช่องในยุคนั้นออกมาในสไตล์เดียวกันหมด นั่นก็คือนั่งตัวตรงหน้าตรง และอ่านข่าวในฐานะที่แทบจะเรียกได้ว่า ตั้งหน้าตั้งตาอ่านตามสคริปกันอย่างเดียว เหมือนคนมาอ่านหนังสือพิมพ์ให้ฟัง อีกทั้งกริยาสีหน้าท่าทางของผู้ประกาศข่าว จะค่อนข้างเป็นทางการ ไม่มีการใส่ความคิดเห็นไม่มีการแสดงสีหน้าอารมณ์ร่วม ไม่มีลีลาคำพูด เป็นอยู่อย่างนั้นหลายปี จนในวันหนึ่งก็มีผู้ริเริ่มในยุคแรกๆ อย่างเช่น สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล หรือ (ฮาร์ท) เริ่มนำลีลาแบบผู้ประกาศข่าวต่างประเทศมาใช้ มีการแสดงกริยาที่รีแลคผ่อนคลาย เอนจอยไปกับการรายงานข่าว มีลีลาในการพูด มากขึ้น มีการแวะทักทายหยอกคู่ประกาศข่าว มีการแสดงความเห็นและสีหน้าอารมณ์ต่างๆลงไปในขณะที่บรรยายข่าว ปรากฏการนั้นเองเรียกได้ว่า เริ่มจะฉุดดึงเรทติ้ง วงการข่าวขึ้นมา ให้กลายเป็นอะไรที่มีความบันเทิงมากขึ้น และเป็นวงการที่ สามารถมีการแจ้งเกิดได้ สร้างความเด่นดังให้ตัวบุคคลได้ แบบเดียวกับวงการศิลปปินดาราได้เลยทีเดียว วงการข่าวเริ่มมีเสน่ห์มากขึ้น ทำเรทติ้งแข่งขันกันเพิ่มขึ้น…
กิ๊กมีเป็นเข่งอยูในมือถือ พฤติกรรมความรักของคนยุคใหม่ ในยุคสมัยที่โลกแห่งการสื่อสารกำลังครอบคลุมอย่างถ้วนทั่ว ในปัจจุบันนี้ การติดต่อพบเจอผู้คนทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ล้วนมีหลากหลายช่องทาง ที่จะได้มีความสัมพัณธ์รู้จักกัน ไม่ว่าจะเป็นเว็ปไซต์หาเพื่อน หาคู่ ,เว็ปบอดร์,เฟสบุ๊ค เว็บเพจชมรมต่างๆ ทวิสเตอร์ hi5 และเว็ปโซเชียลต่างๆ ไปจนถึงเว็ปประเภทเปิดกล้องคุยกัน นอกจากนี้ยังมีการพบเจอกันในเกมออนไลน์ หรือพบเจอกันในแอพพลิเคชั่นสำหรับแชท อย่างแอพพลิเคชั่น ไลน์,กูเกิ้ลทอล์ค และวีแชทที่มีระบบแสกนหาบุคคลในระยะข้างเคียงกันเลยทีเดียว เรียกได้ว่าในยุคนี้การที่ผู้คนคิดจะหาเพื่อนหรือคนรู้จักนั้นไม่ใช่เรื่องยาก และมันก็เป็นช่องทางหนึ่งที่ตอบสนอง คนเจ้าชู้หรือคนขี้เหงา ได้เป็นอย่างมาก เกิดอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง กับวัฒนธรรมสังคมในยุคใหม่นี้? เชื่อว่ามีหลายต่อหลายคนเลยที่หากให้ย้อนกลับไปในยุคไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ ในช่วงที่ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ คงอาจจะรู้สึกว่าแทบอยู่ไม่ได้และรู้สึกว่าโลกเงียบเหงากว่าเดิมเยอะเลยแน่ๆ อย่าว่าแต่ในยุคที่มีมือถือแล้ว ก็ตาม แต่หากอินเทอร์เน็ทยังไม่มีหรือพวกเว็ปโซเชียล หรือยังไม่มี และไม่มีสมาร์ทโฟน ก็ยังยากที่จะกลับไปใช้ชีวิตแบบในช่วงเวลาเหล่านั้นได้…
เรื่องราว ของแรงงานต่างด้าวและ สังคมจอมปลอม หากเราจะถามกันจริงๆว่าสังคมของเราต้องการสิทธิเสรีภาพ ต้องการให้ประชาชนเสมอภาคเท่าเทียมกันจริงๆหรือไม่? เราต้องการให้ประชาชนทุกคนมีความกินดีอยู่ดี เสมอภาคกันจริงๆ นั่นคืออุดมคติจริงๆหรือเปล่า ก่อนอื่นต้องถามว่า หากวันนี้ประชากรทุกคนมีเงินซื้อรถได้หมดทุกคน คนรวยหรือชนชั้นกลาง รายเดิมๆ รับไหวไหม? แล้วใครล่ะจะมีอภิสิทธิ์ที่จะซื้อรถได้ หากวันนี้ประชากรทุกคนมีเงินรวยเหมือนกันหมด สามารถแห่กันไปเข้าโรงหนังได้อย่างสบายๆ สามารถแห่กันไปกินร้านอาหารหรูๆได้เหมือนกันหมด คนรวยหรือชนชั้นกลาง รายเดิมๆในวันนี้รับไหวไหม กับสภาพร่วมกัน และแน่นขนัด หากทุกๆคนมีในสิ่งที่คนรวยในวันนี้มี ต่อคิวกันซื้อไอโฟนกันยาวเหยียด ทุกๆคนมีคฤหาสน์หรูหรา เปิดแอร์ เปิดไฟจัดปาตี้ได้เหมือนกันหมด กระหน่ำปัจจัยอาหารและน้ำไฟ นั่นคือสิ่งที่คนรวย ชนชั้นสูงและชนชั้นกลาง มากมายหลายคนจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่ๆ และมันจะต้องมีคนกลุ่มเดียวเท่านั้นที่เสพอภิมหาทรัพย์ และทรัพยากรมากมาย เสพในสิ่งที่แท้จริงแล้วสามารถนำไปช่วยเหลือประชากรได้มากมายร้อยพัน และหากจะกล่าวว่า ไม่อาจมีใครหรูหราเท่ากันหมด…
ค่านิยมบุคลิคนิสัยผิดๆ ใช้คำพูดกระทบศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ปัญหาพฤติกรรม ของการไร้จิตสำนึกต่อความละเอียดอ่อน ในเรื่องการเหยียดชนชั้น ทั้งจากเจตนาก็ดีหรือไม่เจตนาก็ดี ใช้ความคึกคะนองขำๆก็ดี เหล่านี้เป็นปัญหาที่กำลังถือว่าล่อแหลมแฝงลึกบ่อนทำลายความเจริญทางความคิดของคนในชาติไทยเป็นอย่างมากในปัจจุบันนี้ ในขณะที่การใช้คำว่า “ลาว” เป็นคำในการสบประมาทผู้คน นั้นกำลังถูกต่อต้านจากหลายฝ่ายที่มีจิตสำนึก แต่ทว่าลักษณะนิสัยประเภทนี้ก็ยังคงมีอยู่ให้เห็นอย่างยากที่จะหมดไป ลองพิจารณาดูให้ดี ประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับประเทศไทยเรานั้น ในขณะนี้อยู่ในลักษณะที่มีมิตรสัมพัณธ์อันดีในทางการเมือง แต่ในทางความรู้สึกและอื่นๆอีกหลายแง่มุม ประชาชนในชาติเพื่อนบ้านของเรามีความรู้สึกอย่างไรบ้างกับคนไทย ไม่ว่าจะเป็นพม่า,กัมพูชา,ลาว, เราห้อมล้อมด้วยประเทศเพื่อนบ้านของเรา ที่มีคนในชาติเราหลายๆคนที่ให้การดูถูกพวกเขามากน้อยเพียงใด เราถูกโอบล้อมด้วยประประเทศที่ประชาชนของเขารู้สึกดี กับเราหรือไม่ จากรากฐานพื้นเพนิสัย จากชีวิตวัยเด็ก วัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ คนไทยเรานั้นมีค่านิยมที่มักจะแบ่งระดับชนชั้นกันอยู่เสมอ มากน้อยเพียงใด คำว่า “คนละระดับกัน” หรือคำว่า “ฉันระดับไหนแกมันระดับไหน” ยังคงเป็นประโยคยอดฮิตที่มักกล่าวกันในใจ หรือใช้ระเบิดออกมาในยามทะเลาะกัน…
กระแสต่อต้าน โรงหนังเอาเปรียบผู้บริโภค ปัญหาเรื้อรังที่ยังไม่จบ สำหรับกระแสเรื่อง ค่าบริการที่แสนแพงของโรงหนังเครือดัง อย่างเมเจอร์ ในขณะนี้นั้นมีหลายประเด็นที่สังคมกำลังให้การวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยลูกค้า กลุ่มใหญ่ส่วนหนึ่งที่รู้สึกว่า การให้บริการของโรงหนัง นั้นเอาเปรียบผู้บริโภคมากเกินไป โดยประเด็นที่ เป็นที่เป็นข้อ ที่สร้างความไม่พอใจนั้นมีดังนี้ 1.บัตรค่าเข้าชม มีราคาแพง หากคุณไปดูหนังสองคน จะเสียเงินค่าตั๋วราวๆเกือบ500บาท 2.บัตรเข้าชมมีการหมกเม็ด ราคาที่ไม่แน่นอน ไม่ติดป้ายแจ้งอย่างเด่นชัด แต่จะไปแจ้งในระหว่างขั้นตอนการจ่ายที่เคาเตอร์ ขายตั๋ว ซึ่งมีการอ้างถึง หนังใหม่บ้าง หนังดังบ้าง และวันเข้าชมรวมถึง รอบที่เข้าชม เรียกได้ว่าไหลได้เรื่อย สำหรับเหตุผลที่ยกมาอ้างถึงราคา รวมถึงมีเทคนิคที่น่ารังเกียจ ในการกดดันให้ลุกค้าซื้อตั๋วในราคาที่แพง อย่างเช่นการเดินมาพูดชักชวน ให้ไปเข้าช่องทางพิเศษ…
พฤติกรรม การนิยมเลียนแบบคำศัพท์ที่บัญญัติขึ้นใหม่ ในปัจจุบันเราจะสังเกตได้ว่า กระแสค่านิยมในการคิดค้นคำศัพท์ขึ้นมาใหม่ เอามาพูดตามๆกันอย่างรู้สึกเท่ห์เก๋ไก๋ เริ่มมีเยอะมากขึ้น คำพูดและภาษามากมายที่มีอยู่ในพจนานุกรมของภาษานั้น บางครั้งไม่มีคำที่จะแทนสิ่งๆหนึ่งหรือภาวะภาวะหนึ่ง หรือบางครั้ง สิ่งที่มีคำศัพท์กำหนดไว้อยู่แล้ว แต่ทว่า สิ่งนั้นมีรายละเอียดบางอย่างแยกย่อยลงลึกแตกต่างไปอีก นั่นจึงมักเป็นที่มาของการกำเหนิดศัพท์ใหม่ แต่ทว่าในต่อมา มักจะมีศัพท์ที่ทดแทนความหมายที่โดนใจ ถูกใจ หรือชอบใจ เมื่อรู้ความหมาย ที่ทำให้ผู้คนชอบที่จะใช้ โดยเฉพาะเด็กๆวัยรุ่น รวมถึงคำศัพท์บางคำไม่ได้เปลี่ยนความหมายอะไรเลย แต่ทว่าเป็นคำศัพท์ที่พูดแล้วรู้สึกสนุกปากหรือโดนใจ ค่านิยมวัยรุ่น หรือแม้แต่เพียงแค่ต้องการสร้างความแตกต่าง ดูโก้เก๋ ทั้งคำพูดและคำเขียน นั่นก็ทำให้เกิดคำศัพท์ใหม่ขึ้นมาได้ และด้วยค่านิยมที่สะสมมาเหล่านี้ ในระยะเวลาหลังๆมานี้ ความนิยมนี้เริ่มขยายมากขึ้น คำศัพท์บางคำโด่งดังมาได้จาก ศิลปินผู้มีชื่อเสียง ที่พูดอะไรออกมาแล้วได้รับความนิยมนำไปใช้กัน คำบางคำถูกใช้ในวงสังคมหนึ่งและขยายตัวออกสู่ภายนอก คำบางคำได้รับการจุดกระแสมาจากโลกสังคมออนไลน์…
อะไรทำให้บุคลิคคนอ่อนไหวต่อความเกลียดชังกันมากขึ้น การเห็นความเป็นจริง เปลี่ยนบุคลิคคนให้ อ่อนไหวต่อความเกลียด มนุษย์เรานั้นในยามเกิดมาและเริ่มนับอายุช่วยวัยขยับไปเรื่อยๆ สิ่งที่สำคัญประการหนึ่ง นั่นก็คือ “ประสบการณ์ “ สำหรับความรู้และนิสัยจิตใจของคนเรานั้น “ประสบการณ์ ” ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากๆ เรื่องราวบางเรื่องในโลกนี้กว่าจะเข้าใจ อาจต้องใช้วันเวลากลั่นกรอง ผ่านพบข้อคิด ผ่านพบอะไรหลายๆอย่างให้ลึกซึ้ง และเชื่อได้ว่าคนเรานั้นย่อมที่จะมีหลายเรื่อง ที่ย้อนคิดถึงตัวเองในวัยเด็กหรือในวัยวันวาน ก็พบว่ามีหลายเรื่องเลยที่ตัวเองวู่วาม หลายเรื่องด่วนสรุป หลายเรื่องกว่าจะรู้อย่างแท้จริงได้ ต้องลองผิดลองถูก และหลายเรื่องที่ คำตอบที่คิดว่าใช่ แต่ผ่านอายุมากขึ้นจึงค่อยมารู้ว่าไม่ใช่ กลับได้รับคำตอบที่พลิกผันอย่างไม่น่าเชื่อ แน่นอนว่าสำหรับเรื่องปรกติของชีวิตมนุษย์ นั้น มนุษย์ย่อมที่จะได้ใช้วันเวลาในการเรียนรู้เอง แต่ทว่ากับบางเรื่องที่เป็นเรื่องที่ยาก จะมีโอกาสได้เรียนรู้ประสบการณ์ล่ะ? โลกสังคมออนไลน์ อย่างเช่นเว็ปโซเชียล…
กระแสชื่อเสียงด้านลบของ สภาพถนนเมืองไทยที่อันตรายระดับท๊อปของโลก นับเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากขึ้นทุกวันสำหรับกระแสการกล่าวถึงกันอย่างกว้างขวาง ของบรรดานักท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่มีทัศนคติต่อ ภาพลักษณ์แย่ๆของความอันตรายที่น่ากลัวในท้องถนนเมืองไทย หลังจากที่มีข่าวเศร้าหลายต่อหลายข่าว ออกมาถึงความ บาดเจ็บสูญเสียของนักท่องเที่ยวรายแล้วรายเล่า ทุกวันนี้กระแสโจมตีประเด็นเหล่านี้ที่มีต่อการท่องเที่ยวไทยเริ่มทวีความเข้มข้นมากขึ้นทุกวัน และประเด็นที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ต้องการให้แก้ไขนั่นก็คือ การควบคุมผู้ขับขี้รถโดยสารอย่างเข้มงวด ที่หลายต่อหลายครั้งที่เกิดปัญหามาจาก ผู้ขับขี่หลับในบ้าง เมาสุราบ้าง เสพยาบ้าง ขับเร็วเกินกำหนดบ้าง รวมถึงรถโดยสารที่ไม่มีคนขับผลัดเปลี่ยนเวร อีกทั้งสภาพถนนที่อันตราย ไม่มีป้ายที่ควรมีในหลายจุด สภาพถนนชำรุด และมากมายอีกหลายปัจจัย ว่ากันไปถึงเรื่องการดำเนินคดี ที่แม้ว่าจะมีกฏหมายที่กำหนดออกมาไว้อย่างรุนแรง แต่ว่าในแง่ของการปฏิบัติ การดำเนินคดีแล้ว หลายต่อหลายครั้ง ผู้ต้องหาก็ได้รับโทษที่อ่อนมาก มีการดึงคดีเรียกหาผลประโยชน์ รวมถึงบางรายหลุดรอดคดีไปอย่างน่า ค้างคาใจเจ็บใจต่อผู้เสียหายเป็นอย่างยิ่ง และล่าสุดนี้เมื่อ 13กพ. 2556…
กระแส การนิยมใช้คำว่า ” โลกสวย” ประนามผู้คน หลายคนที่ได้ใช้อินเทอร์เนทอยูเป็นประจำโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชอบเข้าไปอ่านหรือถกเถียงและเปลี่ยนความคิดเห็นต่างๆไม่ว่าจะเป็นกระทู้หรือเว็บบอดร์หรือแม้แต่คอมเม้น ตามเพจในเฟสบุ๊ค คงจะมีโอกาสได้เห็นกระแส ของการประนามผู้คนต่างๆด้วยคำว่า โลกสวย ได้เห็นคำๆนี้ใช้ในการเถียงกันของผู้คนบ่อยขึ้น นั่นมาจากกระแสของความแอนตี้คนที่ถูกมองว่าโลกสวย แท้ที่จริงแล้วกระแส เหล่านี้มันเริ่มแรงขึ้นมาจาก การใช้ในหลายลักษณะ ลักษณะแรกคือ ความรู้สึกแอนตี้ชิงชัง ใช้ประนามบุคคลที่ตนมองว่า เป็นคนดัดจริต สร้างภาพพจน์ประดุจเป็นคนดี มีความปักใจเชื่อว่าตัวเองเป็นคนดีคิดดีพูดดีทำดี แต่แท้จริงแล้วไม่ดีจริง และยังมีข้อเสียอยู่เช่นกัน แต่ไม่เคยมองตนเองแถมยังชอบยกตนข่มท่าน ยกความดีเข้าข่มเข้าประนามผู้อื่น ลักษณะที่สองคือ มักจะกล่าวประนามคำว่าโลกสวยเข้าใส่บุคคลที่ มีความเคร่งและจริงจัง ต่อบทบัญญัติใดหรือต่อบทจริยธรรมใด ทั้งที่มีเป็นบัญญัติไว้ หรือทั้งที่ตีความเอง ที่เรียกว่าความดี ลักษณะต่อมาก็คือใช้คำว่าโลกสวยประนามเข้าใส่…